หากคุณเป็นโรคเบาหวาน คุณควรเลือกรับประทานอาหารอะไรบ้างเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลและดีต่อสุขภาพทุกวัน แผนโภชนาการที่เหมาะสมคือ “กุญแจสำคัญ” ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย บทความนี้จะให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทานและควรหลีกเลี่ยง พร้อมตัวอย่างเมนูอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1.โรคเบาหวานคืออะไร?
โรคเบาหวาน (น้ำตาลในเลือดสูง) คือความผิดปกติของการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ โรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยในปัจจุบัน และหากไม่ได้รับการควบคุมที่ดี อาจส่งผลร้ายแรงต่อหัวใจ ไต ดวงตา และระบบประสาท
การรับประทานอาหารที่ถูกต้องมีบทบาทสำคัญในการรักษาและควบคุมโรคเบาหวาน การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และพัฒนาคุณภาพชีวิต
2.ผู้ป่วยเบาหวานควรทานอะไร?
อาหารมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมโรคได้ แล้วผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทานอะไร? ต่อไปนี้คือ 6 กลุ่มอาหารสำคัญที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรับประทาน
2.1. ผักใบเขียว ผักและผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ
ผักใบเขียวเป็นอาหารสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผักบางชนิดที่ควรเพิ่มเข้าไปในเมนู ได้แก่:
- ผักกาดหอม ผักโขม โบราจอินเดีย คะน้าจีน
- บร็อคโคลี่, กะหล่ำดอก, มะระขี้นก, ขึ้นฉ่าย
- ฟักทอง แครอท หัวไชเท้า (ควรทานแต่พอดี)
2.2. ธัญพืชไม่ขัดสีและข้าวกล้อง
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรเลือกธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ควินัว และขนมปังโฮลวีต อาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่หลังรับประทานอาหาร
2.3. โปรตีนไขมันต่ำและโปรตีนจากพืช
โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ให้พลังงานโดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น ทางเลือกที่แนะนำ ได้แก่:
- ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาบาส อกไก่ไม่มีหนัง
- ไข่ นม หรือผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่มีน้ำตาลหรือมีน้ำตาลเพียงเล็กน้อย
- เต้าหู้ ถั่วเหลือง และถั่วชนิดอื่นๆ (รับประทานแต่พอประมาณ)

2.4. ผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานยังสามารถทานผลไม้ได้ แต่ควรเลือกผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาล (GI) ต่ำ เช่น
- เกรปฟรุต, สตรอเบอร์รี่, แอปเปิ้ล, ลูกแพร์
- บลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, กีวี
- ผลมังกรเนื้อสีขาว
- ข้อควรระวัง: ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้สด เนื่องจากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้เร็วกว่าการรับประทานผลไม้ทั้งผล
2.5. ถั่วและไขมันดี
ไขมันดีบางชนิดที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดการอักเสบ และควบคุมน้ำตาลในเลือด ได้แก่:
- อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์
- น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา เนย
- ควรบริโภคแต่พอประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะน้ำหนักเกิน
2.6. นมสูตรพิเศษสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรเลือกนมที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ อุดมไปด้วยใยอาหารที่ละลายน้ำได้ วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น แต่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ ควรดื่มนมเป็นอาหารว่างเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความหิว
ตัวอย่างทั่วไปคือ นม กลูชัวร์ผลิตภัณฑ์โภชนาการสูตรทางวิทยาศาสตร์ที่วิจัยและพัฒนามาเพื่อผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยเฉพาะ กลูชัวร์ประกอบด้วยสารสกัดจากใบหม่อน (สหราชอาณาจักร) ซึ่งช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้ ไฟบริกซา (ญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นใยอาหารธรรมชาติที่ช่วยย่อยอาหารและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และหญ้าหวาน สารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ไม่มีแคลอรี ผลิตภัณฑ์นี้ยังประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้น กลูชัวร์จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงานอย่างมีสุขภาพดีและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.เมนูแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ตัวอย่างเมนูหนึ่งวัน
- อาหารเช้า: ข้าวโอ๊ต + นมไม่หวาน + ไข่ต้ม
- ของว่างมื้อเช้า: แอปเปิ้ลลูกเล็ก 1 ลูก
- มื้อกลางวัน: ข้าวกล้อง + ปลาตุ๋น + ผักต้ม + แกงมะระ
- ของว่างยามบ่าย: อัลมอนด์ + ชาสมุนไพร
- มื้อเย็น : โจ๊กถั่วเขียว (ใส่น้ำเล็กน้อย) + ผักต้ม + ลูกแพร์ 1 ลูก
หลักการทั่วไป
- แบ่งมื้ออาหารออกเป็นหลายมื้อต่อวัน (3 มื้อหลัก 2 มื้อว่าง)
- หลีกเลี่ยงการกินมากเกินไปหรือหิวเกินไป
- เน้นวิธีการนึ่ง ต้ม ตุ๋น แกง แทนการทอดหรือผัดในน้ำมันจำนวนมาก
4. อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง
- แป้งขาว : ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ มันฝรั่ง
- ของหวาน: ขนมหวาน, น้ำอัดลม, น้ำเชื่อม, แยม, น้ำผลไม้สำเร็จรูป
- อาหารจานด่วนและอาหารทอด เช่น ไก่ทอด ฮอทดอก ลูกชิ้นทอด เป็นต้น
- แอลกอฮอล์และสารกระตุ้น: สารเหล่านี้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและสามารถทำลายตับและไตได้

5. ข้อควรปฏิบัติในการเตรียมอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- การควบคุมปริมาณอาหาร: อย่ากินมากเกินไป แม้ว่าจะเป็นอาหารที่ “ดี” ก็ตาม
- รับประทานอาหารตรงเวลาและหลีกเลี่ยงการข้ามมื้ออาหาร: การทำเช่นนี้จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
- ตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำเพื่อปรับปริมาณการรับประทานอาหารให้เหมาะสม
- ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน โยคะ หรือปั่นจักรยาน
การเลือกอาหารที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการควบคุมโรคเบาหวาน การเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันตรายได้อีกด้วย

