นมเป็นแหล่งโภชนาการที่คุ้นเคย อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม และวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพ การเลือกนมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะนมบางชนิดอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด การเลือกนมที่เหมาะสมสามารถให้พลังงาน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกนมที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหลังการดื่ม ดังนั้น การทำความเข้าใจข้อควรระวังในการเลือกนมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงเป็นก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพระยะยาว
1. นมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานคืออะไร?
“นมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์นมหรือเครื่องดื่มนมที่ออกแบบหรือคัดเลือกโดยคำนึงถึงองค์ประกอบทางโภชนาการดังต่อไปนี้:
- มีดัชนีน้ำตาล (GI) ต่ำหรือปานกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการบริโภค
- น้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาล ให้ใช้สารให้ความหวานทางเลือกที่ปลอดภัย เช่น สตีเวีย
- เลือกไขมันที่ดี – เลือกไขมันไม่อิ่มตัวและจำกัดไขมันอิ่มตัว
- ประกอบด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้สารอาหารโดยไม่เพิ่มภาระการเผาผลาญของร่างกาย
- อาจเติมใยอาหารที่ละลายน้ำได้ แป้งต้านทานการย่อย หรือสารสกัดจากพืช เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
สรุปคือ นมเบาหวานคือ “นมที่คัดสรรพิเศษ” ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งความต้องการทางโภชนาการและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปลอดภัย
2. ทำไมผู้ป่วยเบาหวานจึงควรดื่มนม?
การดื่มนมประเภทที่ถูกต้องสามารถมีประโยชน์มากมายสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ได้แก่:
- เสริมด้วยโปรตีนคุณภาพสูง ช่วยบำรุงและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ พร้อมทั้งลดความหิวได้นานขึ้น
- เนื่องจากเป็นแหล่งแคลเซียมและวิตามินดีที่สำคัญ จึงช่วยเสริมสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
- เสริมแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น แมกนีเซียม สังกะสี วิตามินบี… ช่วยสนับสนุนการเผาผลาญและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- การเลือกสูตรที่ประกอบด้วยไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ สารสกัดจากพืชที่ชะลอการดูดซึมน้ำตาล หรือดัชนีน้ำตาลต่ำ อาจช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่มากขึ้น
- ลดการรับประทานอาหารว่าง: การดื่มนมให้เพียงพอ เช่น หนึ่งแก้วในตอนเช้าหรือระหว่างมื้ออาหาร จะช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้นและลดความเสี่ยงในการอยากรับประทานอาหารว่างที่มีน้ำตาล

อย่างไรก็ตาม ประโยชน์เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเลือกและใช้ประเภทนมที่ถูกต้องสำหรับผู้ป่วยเบาหวานเท่านั้น
3. เวลาที่ดีที่สุดในการดื่มนมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
การเลือกเวลาดื่มนมให้เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการหลีกเลี่ยงระดับน้ำตาลในเลือดสูง ช่วงเวลาแนะนำ ได้แก่:
- เช้า (อาหารเช้า) : การดื่มนมในตอนเช้าจะช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดตลอดช่วงเช้า และลดความอยากอาหารว่าง
- ของว่างตอนบ่าย: ดื่มนมเป็นของว่างตอนบ่ายเพื่อเติมพลังงานระหว่างมื้อหลัก ลดความหิว และป้องกันการกินมากเกินไปในมื้อหลัก
- ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนอน: ช่วงเวลาระหว่างมื้อเย็นและมื้อเช้าอาจห่างกัน 10-12 ชั่วโมง ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในเวลากลางคืน การดื่มนมหนึ่งแก้วก่อนนอนจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลจนถึงเช้า
หลังจากดื่มนมแล้ว คุณควรวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจาก 1-2 ชั่วโมง เพื่อติดตามและปรับปริมาณอาหารที่รับประทานให้เหมาะกับสภาพร่างกาย
4. เกณฑ์การเลือกนมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

เมื่อเลือกนมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ควรพิจารณาเกณฑ์ต่อไปนี้เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด:
- ดัชนีน้ำตาลต่ำ (GI ต่ำ): เลือกนมที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (เช่น GI < 55) เพื่อหลีกเลี่ยงระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงหลังจากดื่ม
- ปราศจากน้ำตาลหรือน้ำตาลต่ำ/ไม่มีสารให้ความหวานเทียม: หลีกเลี่ยงนมที่มีน้ำตาล หรือเลือกสูตรที่ปราศจากน้ำตาลหรือสูตรที่ใช้สารให้ความหวาน เช่น สตีเวียหรือเอริธริทอล
- ไขมันที่เหมาะสม: เลือกผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำหรือไขมันต่ำเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว
- ปริมาณโปรตีนและสารอาหารจุลธาตุที่เหมาะสม: นมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานควรให้โปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญโดยไม่ทำให้ร่างกายทำงานหนักเกินไป นอกจากนี้ นมยังควรเสริมวิตามินและแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสีด้วย
- ส่วนผสมควบคุมน้ำตาล/ช่วยย่อยอาหาร: ส่วนผสมเช่นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ แป้งที่ย่อยยาก หรือสารสกัดจากพืชที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ถือว่ามีประโยชน์ในนมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- เหมาะสมกับแต่ละบุคคล: หากผู้ป่วยแพ้แลคโตส ให้เลือกสูตรนมที่ปราศจากแลคโตส หรือหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคไตหรือโรคตับ ให้เลือกสูตรนมที่จำกัดโซเดียม หรือปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกนม เมื่อตรวจสอบฉลาก ควรใส่ใจเป็นพิเศษกับค่าต่างๆ ต่อไปนี้: คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด น้ำตาล ไขมันอิ่มตัว ใยอาหารหรือสารสกัดจากพืช และสารอาหารจุลธาตุที่จำเป็น
5. Glusure – นมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดแรกที่มี Reducose ซึ่งเป็นสารสกัดจากใบหม่อน
ในบรรดาตัวเลือกสูตรสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน Glusure โดดเด่นในฐานะผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่คิดค้นสูตรด้วยสารสกัดจากใบหม่อน ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Glusure ยังได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
- สูตรที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้และโปรตีนจากพืชคุณภาพสูง ช่วยควบคุมน้ำหนักและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
- การใช้สตีเวียเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติไม่มีแคลอรี่และให้รสหวานที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล
- เสริมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นเพื่อบำรุงระบบภูมิคุ้มกัน กระดูก และการเผาผลาญของร่างกาย

Glusure ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย มั่นใจได้ในความปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการดื่มนมเป็นประจำโดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ผู้ป่วยสามารถเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้น
การเลือกนมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานต้องอาศัยข้อมูลโภชนาการที่ครบถ้วนและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากคุณเข้าใจความหมายของนมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ประโยชน์ที่ได้รับ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่ม และหลักการในการเลือก คุณก็จะสามารถเลือกนมที่เหมาะสมกับคุณได้อย่างมั่นใจ

