โรคเบาหวานชนิดที่ 2 อันตรายหรือไม่? รักษาหายได้หรือเปล่า?

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 อันตรายหรือไม่

เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคที่พบได้บ่อยแต่หลายคนมองข้าม เพราะอาการมักค่อยเป็นค่อยไปแบบเงียบๆ อย่างไรก็ดี หากไม่ควบคุมโรคให้ดี อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมากมาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตอย่างมาก แล้วจริงๆ เบาหวานชนิดที่ 2 อันตรายแค่ไหน สามารถรักษาหายขาดได้หรือไม่ มาค้นหาคำตอบและเข้าใจแนวทางดูแลตัวเองอย่างถูกต้องในบทความนี้กันครับ

1. ภาพรวมโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในประเทศไทย

เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อย และกำลังจะเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในประเทศไทย อัตราผู้ป่วยเบาหวานอยู่ในระดับที่น่าตกใจมาก ตามรายงานของโรงพยาบาลกรุงเทพ คาดว่าประมาณ 10% ของประชากรไทยมีโรคเบาหวาน โดย 90–95% ในจำนวนนั้นคือเบาหวานชนิดที่ 2

เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนจากตับอ่อน ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังและก่อให้เกิดปัญหาการเผาผลาญอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนในร่างกาย

2. สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเบาหวานชนิดที่ 2

สาเหตุของโรคเบาหวานประเภท 2

  • พันธุกรรม: หากคนในครอบครัวป่วยเบาหวาน คุณก็จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • โรคอ้วน – น้ำหนักเกิน: โดยเฉพาะไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ทำให้เซลล์ไวต่ออินซูลินน้อยลง
  • ทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ: กินแป้ง น้ำตาล ไขมันทรานส์ อาหารแปรรูปมากเกินไป
  • ขาดการออกกำลังกาย: ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลได้น้อยลง
  • อายุ: เสี่ยงโรคเพิ่มขึ้นหลังอายุ 40 ปี
  • ความเครียดเรื้อรัง นอนหลับไม่พอ: ส่งผลต่อฮอร์โมนและการทำงานของอินซูลิน

3. เบาหวานชนิดที่ 2 อันตรายไหม?

อันตรายของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 - ทำให้ตาบอด

ผู้ป่วยจำนวนมากเมื่อทราบว่าเป็นโรคแล้วยังรู้สึกว่าร่างกายปกติ จึงชะล่าใจไม่รีบรักษา แต่อันที่จริง เบาหวานชนิดที่ 2 ร้ายแรงมากๆ ถ้าไม่ควบคุมอย่างเคร่งครัด

ภาวะแทรกซ้อนสำคัญของเบาหวานชนิดที่ 2 ได้แก่

  1. ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด: เบาหวานเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดแข็ง ตัวกำเริบหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง คนเป็นเบาหวานมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่าคนปกติ 2–4 เท่า
  2. ไตวาย – ไตเสียหาย: น้ำตาลสูงเรื้อรังทำลายหลอดเลือดฝอยที่ไต จนไตเสื่อม อาจต้องฟอกไต หรือปลูกถ่ายไต
  3. ระบบประสาทเสียหาย: ทำให้ชาตามมือตามเท้า ปวดเมี่อย อ่อนแรง สูญเสียความรู้สึก อาจเกิดแผลที่เท้าโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากขาดความรู้สึก
  4. ตาบอดและจอตาเสื่อม: ภาวะแทรกซ้อนที่ตาเป็นสาเหตุหลักของตาบอดในผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะหากไม่ตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
  5. แผลเน่าที่เท้า ติดเชื้อ และอาจต้องตัดอวัยวะ: เนื่องจากขาดความรู้สึก การไหลเวียนโลหิตลด โอกาสติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นแผลเรื้อรัง เนื้อเน่า จนต้องตัดอวัยวะ
  6. ผลกระทบทางจิตใจ – คุณภาพชีวิต: เบาหวานชนิดที่ 2 ไม่เพียงส่งผลทางร่างกาย แต่ซ้ำเติมจิตใจ ให้เครียด วิตก คุณภาพชีวิตแย่ลงอย่างชัดเจน

เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคร้ายที่ค่อยๆ ดำเนินไปอย่างเงียบๆ แต่ก่อความเสียหายต่อสุขภาพและชีวิตได้มาก หากไม่ได้รับการรักษาและดูแลที่เหมาะสมครับ

4. เบาหวานชนิดที่ 2 รักษาหายขาดได้ไหม?

เบาหวานชนิดที่ 2 รักษาหายขาดได้ไหม?

คำตอบคือ “ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” แต่ “สามารถควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพได้” ครับ หากปฏิบัติตามวิธีการรักษาและรักษาวิถีชีวิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

เป้าหมายของการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2:

  • รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย (โดยปกติควรต่ำกว่า 7 mmol/L ขณะอดอาหาร)
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันและเรื้อรัง
  • เพิ่มคุณภาพชีวิตและยืดอายุขัย
  • ควบคุมน้ำหนักตัว ความดันโลหิต และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ:

  • รับประทานอาหารอย่างเหมาะสมและสมดุล
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
  • เสริมโภชนาการที่เหมาะสม เช่น Glusure

จากการศึกษาหลายฉบับ พบว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หากสามารถลดน้ำหนักได้ 5–10% ออกกำลังกายเป็นประจำ และรับประทานอาหารอย่างมีหลักวิทยาศาสตร์ จะสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาจำนวนมาก

5. ควบคุมโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในแต่ละวันอย่างไรบ้าง?

รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

  • เพิ่มผักใบเขียว ผลไม้ที่น้ำตาลต่ำ (เช่น ส้มโอ แอปเปิ้ล ลูกแพร์)
  • เลือกอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ข้าวโอ๊ต ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วชนิดต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงน้ำตาล น้ำอัดลม อาหารแปรรูป
  • กินให้ตรงเวลา และแบ่งมื้อย่อยเพื่อลดภาระให้ตับอ่อน

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  • อย่างน้อยวันละ 30–45 นาที เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ โยคะ
  • ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ลดน้ำหนัก และควบคุมระดับน้ำตาล

ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

  • รับยาลดน้ำตาลให้ถูกต้องตามขนาดและเวลาที่กำหนด
  • ตรวจวัดระดับน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอด้วยเครื่องตรวจที่บ้าน
  • พบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอย่างน้อยทุก 3–6 เดือน

6. Glusure – ทางเลือกโภชนาการครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการที่เหมาะสมถือว่าสำคัญมาก Glusure เป็นนมสูตรเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างสุขภาพ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาว

Glusure - สารอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2

ส่วนประกอบเด่นใน Glusure:

  • Reducose® (อังกฤษ): สารสกัดจากใบหม่อน มี DNJ ช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลและลดระดับน้ำตาลหลังมื้ออาหาร
  • Fibryxa® (ญี่ปุ่น): ให้ไฟเบอร์สูงถึง 80% ให้พลังงานต่ำ ช่วยควบคุมความอยากอาหารและรักษาน้ำตาลในเลือดให้คงที่
  • โปรตีนจากพืชเกรดพรีเมียม: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดีต่อระบบย่อยอาหาร และสนับสนุนการควบคุมน้ำตาล
  • Stevia: สารให้ความหวานจากธรรมชาติ ไม่ให้พลังงาน ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
  • วิตามินและแร่ธาตุ (อินเดีย): เสริมภูมิคุ้มกัน ดูแลระบบประสาทและระบบย่อยอาหาร

โรคเบาหวานถึงแม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมได้ดีหากผู้ป่วยมีความรู้ ความเข้าใจในโรค ปฏิบัติตามการรักษา และรักษาวิถีชีวิตที่ดีครับ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์โภชนาการคุณภาพ เช่น Glusure ถือเป็นทางเลือกอันชาญฉลาดที่ช่วยเสริมพลังงาน คงระดับน้ำตาลให้มั่นคง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวอีกด้วยครับ