โรคเบาหวาน (หรือที่เรียกว่าภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง) จัดเป็นโรคเมตาบอลิกที่พบบ่อยและมีความรุนแรง หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ การรู้จักสังเกตอาการเริ่มต้นของโรคเบาหวานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมโรคและดูแลสุขภาพในระยะยาว
1. โรคเบาหวานคืออะไร?
โรคเบาหวาน คือ ภาวะที่ร่างกายมีความผิดปกติในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเนื่องจากร่างกายสร้างอินซูลินไม่เพียงพอ หรือใช้อินซูลินได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ตับอ่อนผลิตขึ้น มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อร่างกายขาดอินซูลินหรือดื้อต่ออินซูลิน จะทำให้กลูโคสสะสมในกระแสเลือดสูง ส่งผลให้เกิดโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
- เบาหวานประเภทที่ 1: ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เลย
- เบาหวานประเภทที่ 2: ร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอหรือใช้งานอินซูลินได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
- เบาหวานขณะตั้งครรภ์: พบในหญิงตั้งครรภ์ มักหายไปหลังคลอด แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ในอนาคตได้ครับ
2. สัญญาณเตือนโรคเบาหวาน
2.1 อาการของเบาหวานชนิดที่ 1
เบาหวานชนิดที่ 1 มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเด็กหรือวัยรุ่น อาการที่พบบ่อย ได้แก่
- กระหายน้ำตลอดเวลา และปัสสาวะบ่อย: ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ไตต้องทำงานหนักเพื่อขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ: แม้จะรับประทานอาหารมาก แต่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมพลังงานได้
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย: เนื่องจากร่างกายขาดพลังงานที่ได้จากกลูโคส
- สายตาพร่ามัว: น้ำตาลในเลือดสูงส่งผลต่อรูปทรงของเลนส์ตา
- แผลหายช้าและติดเชื้อง่าย
2.2 อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 มักจะพัฒนาอย่างเงียบๆ และค่อยๆ เป็นมากขึ้น หลายคนไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคนี้จนกระทั่งไปตรวจสุขภาพ อาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้:
- ปากแห้ง รู้สึกกระหายน้ำบ่อยๆ
- ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะตอนกลางคืน แม้จะไม่ได้ดื่มน้ำมากก่อนนอน
- น้ำหนักตัวขึ้นหรือลดลงโดยที่ควบคุมไม่ได้
- ผิวแห้ง คัน โดยเฉพาะบริเวณจุดซ่อนเร้น
- สายตาเริ่มพร่ามัวลงเรื่อยๆ
- ติดเชื้อง่าย โดยเฉพาะบริเวณผิวหนัง เหงือก หรือทางเดินปัสสาวะ
- มีอาการชาหรือเหน็บที่มือและเท้า แสดงถึงการทำลายระบบประสาทส่วนปลาย
2.3 อาการของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มักไม่มีอาการที่ชัดเจน แต่บางรายอาจสังเกตเห็นอาการต่อไปนี้:
- กระหายน้ำมากกว่าปกติ
- ปัสสาวะบ่อย
- เหนื่อยล้า และง่วงนอน
- น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ
- ติดเชื้อราในช่องคลอดบ่อย ๆ
เนื่องจากโรคนี้มักไม่มีอาการเฉพาะเจาะจง คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ เพื่อค้นหาและวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์แต่เนิ่นๆ
3. กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นเบาหวานเป็นกลุ่มไหนบ้าง? และวิธีการรักษา

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่:
- ผู้ที่น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
- ผู้ที่มีคนในครอบครัวเคยป่วยเป็นเบาหวาน
- ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป
- ผู้หญิงที่เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือเคยคลอดลูกน้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัม
- ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง หรือความดันโลหิตสูง
4. วิธีรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน
4.1 วิธีรักษาโรคเบาหวาน

- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการบริโภคน้ำตาลและแป้ง เพิ่มผักและไฟเบอร์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ใช้ยา: ปฏิบัติตามคำแนะนำและรับประทานยาตามที่แพทย์กำหนด อาจใช้ยารับประทานหรือฉีดอินซูลิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค
- ตรวจน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม
- ควบคุมน้ำหนักตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตวาย หัวใจ หลอดเลือด และเส้นประสาท
4.2 วิธีป้องกันโรคเบาหวาน
- ทานอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ: จำกัดการรับประทานน้ำตาล ไขมันทรานส์ เลือกอาหารสดใหม่ และผ่านกระบวนการแปรรูปน้อย
- ออกกำลังกายเป็นประจำ: เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ ซึ่งช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงโรคอ้วน
- นอนหลับให้เพียงพอ ลดความเครียด ไม่เครียดสะสม
- ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือมีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน
นอกจากนี้ คุณสามารถเสริมด้วยนมสูตรสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน Glusure ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์โภชนาการเฉพาะทาง สำหรับผู้เป็นเบาหวาน มีคุณสมบัติ:

- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยสูตรที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (GI ต่ำ)
- เสริมสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้
- สนับสนุนสุขภาพหัวใจ ความดัน ระบบขับถ่าย และเสริมภูมิคุ้มกัน
- ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งหลังมื้ออาหาร สามารถรับประทานได้ทุกวันหลังมื้อหลักหรือแทนมื้อว่าง
การสังเกตสัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวานจะช่วยให้คุณเข้ารับการตรวจ รักษา และป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างทันท่วงที อย่ามองข้ามอาการผิดปกติของร่างกาย
รักษาวิถีชีวิตที่ดี รับประทานอาหารอย่างมีสติ ออกกำลังกายเป็นประจำ และดูแลสุขภาพของคุณในทุกๆ วันนะครับ