ภาวะแทรกซ้อนตาพร่ามัวในผู้ป่วยเบาหวาน และวิธีป้องกันอย่างได้ผล

จอตาเสื่อมแบบเพิ่มหลอดเลือดใหม่

ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางที่สุดและมีความเสี่ยงต่อความเสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน เส้นเลือดฝอยในจอประสาทตาจะถูกทำลาย นำไปสู่อาการมองเห็นภาพเบลอ มองเห็นไม่ชัด และอาจถึงขั้นตาบอดได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้น ภาวะแทรกซ้อนจากอาการมองเห็นภาพเบลอจึงเป็นสัญญาณเตือนอันตรายเงียบๆ สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำและเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น

1. โรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน: การมองเห็นพร่ามัว

โรคเบาหวานเป็นความผิดปกติของการเผาผลาญกลูโคสในร่างกาย ซึ่งร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอหรือใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่ออินซูลินทำงานไม่ถูกต้อง ระดับน้ำตาลในเลือดจะยังคงสูง ส่งผลให้เกิดแรงกดบนผนังหลอดเลือดขนาดเล็กทั่วร่างกาย ดวงตาซึ่งมีหลอดเลือดขนาดเล็กและเปราะบาง กลายเป็น “จุดอ่อน” ที่เปราะบาง

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน กระจกตาอาจ “บวม” เนื่องจากการสะสมของของเหลว ทำให้เลนส์ตาเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และนำไปสู่อาการมองเห็นไม่ชัด นอกจากนี้ การอักเสบหรือความเสียหายของหลอดเลือดในจอประสาทตา หรือการรั่วซึมของของเหลว ก็เป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นในผู้ป่วยโรคเบาหวานเช่นกัน

2. ภาวะแทรกซ้อนทางตาจากเบาหวานมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างไร?

ความก้าวหน้าของโรคจอประสาทตาเบาหวานสามารถแบ่งออกได้เป็นระยะต่อไปนี้:

  • ระยะเริ่มแรก (ระยะไม่รุนแรง): ผู้ป่วยอาจเริ่มมองเห็นจุดเล็กๆ ที่มีลักษณะ “คล้ายเส้นด้าย” ในการมองเห็น หรืออาจมองเห็นภาพเบลอเมื่อแสงเปลี่ยนแปลง โดยมีแสง “แฟลช” เป็นระยะแทรกอยู่
  • อาการบวมน้ำบริเวณจุดรับภาพ: จอประสาทตาในส่วนจุดรับภาพ (ส่วนกลางของดวงตาที่มองเห็นชัดเจน) รั่วซึมของเหลวหรือสารคัดหลั่งออกมา ทำให้เนื้อเยื่อบวม ส่งผลให้การมองเห็นผิดเพี้ยน สีผิดเพี้ยน หรือภาพเบลอ
  • โรคจอประสาทตาเสื่อม – หลอดเลือดผิดปกติ: หลอดเลือดใหม่ผิดปกติก่อตัวขึ้น ซึ่งอาจแตกและมีเลือดออกภายในดวงตา ปรากฏเป็นจุดดำหรือเงา การมองเห็นรอบข้างลดลง และมองเห็นได้ยากในเวลากลางคืน
  • ความเสี่ยงของโรคต้อหินและต้อกระจก: ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต้อหิน (ความดันลูกตาสูง) และต้อกระจกเร็วกว่าปกติ ภาวะนี้อาจทำให้เกิดอาการมองเห็นภาพเบลอ ปวดตา กลัวแสง และแสงจ้ามากขึ้นเมื่ออยู่ในที่สว่าง

หากปล่อยไว้ในระยะท้าย การฟื้นฟูการมองเห็นจะยากขึ้นและอาจต้องได้รับการผ่าตัดหรือการรักษาด้วยเลเซอร์หากไม่ได้รับการควบคุมและรักษาอย่างทันท่วงที

โรคเบาหวานทำให้เกิดการสร้างหลอดเลือดในจอประสาทตา
โรคจอประสาทตาเสื่อมจากหลอดเลือดใหม่ – ภาวะแทรกซ้อนทางตาในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

3.คุณควรไปพบแพทย์เมื่อใด?

ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรึกษาจักษุแพทย์ในกรณีต่อไปนี้:

  • หากการมองเห็นของคุณพร่ามัวลงอย่างกะทันหันหรือค่อยๆ พร่ามัวและไม่ดีขึ้นแม้จะสวมแว่นธรรมดา
  • อาจมองเห็นจุดด่างดำ จุดคล้ายเส้นด้าย แสงวาบ หรือช่องว่างในลานสายตา
  • มองเห็นลำบากเมื่อขับรถตอนกลางคืน มองเห็นไม่ชัดในเวลากลางคืนหรือมีแสงจ้า ทำให้ปวดตามากกว่าปกติ
  • มีประวัติโรคเบาหวานเรื้อรังหรือความดันโลหิตสูง/โรคหัวใจเป็นเวลานาน
  • เมื่อได้รับการวินิจฉัยโรคเบาหวานครั้งแรก (สำหรับโรคเบาหวานประเภท 2) หรือภายใน 5 ปีหลังการวินิจฉัย (สำหรับโรคเบาหวานประเภท 1) ควรทำการตรวจตาอย่างละเอียด รวมถึงการขยายรูม่านตาเพื่อตรวจจอประสาทตา

การตรวจพบและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบความเสียหายได้ในระยะเริ่มต้น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใช้การรักษาด้วยเลเซอร์หรือยาเพื่อป้องกันการลุกลามของโรคตา

4. สาเหตุอื่นๆ ของอาการมองเห็นพร่ามัว

อาการตาพร่ามัวไม่ใช่ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานเสมอไป ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่พบบ่อยที่ควรเฝ้าระวัง:

  • ตาแห้ง: น้ำตาไม่เพียงพอ ความชุ่มชื้นลดลง ทำให้มองเห็นไม่ชัดและระคายเคืองตา
  • สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง: การรวมแสงผิดปกติ มองเห็นภาพเบลอ

  • การบาดเจ็บที่ดวงตา: การถูกกระแทกหรือรอยขีดข่วนที่กระจกตาหรือเลนส์ของดวงตา
  • การอักเสบหรือการติดเชื้อของดวงตา เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ม่านตาอักเสบ เปลือกตาอักเสบ
  • การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน: การจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์/โทรศัพท์เป็นเวลานานโดยไม่หยุดพัก อาจทำให้เกิดอาการปวดตาและภาพเบลอได้ง่าย
  • ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดแข็ง: หลอดเลือดในจอประสาทตาได้รับความเสียหายจากความดันสูง
  • ต้อกระจกในผู้สูงอายุ : เลนส์ของตาสูญเสียความโปร่งใส การมองเห็นจะพร่ามัว
  • โรคระบบอื่นๆ เช่น หลอดเลือดอักเสบ โรคลูปัส โรคเส้นโลหิตแข็ง เป็นต้น อาจทำให้เส้นประสาทตาเกิดการระคายเคือง มองเห็นไม่ชัด

5. ทางเลือกอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน – Glusure

เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น การมองเห็นพร่ามัว หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ผู้ป่วยโรคเบาหวานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง นอกจากการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การปรึกษานักโภชนาการเฉพาะทางก็เป็นทางเลือกที่มีประโยชน์เช่นกัน

กลูชัวร์เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย ผลิตภัณฑ์นี้ผลิตจากส่วนผสมนำเข้าหลายชนิด:

  • สารสกัดใบหม่อนช่วยลดระดับน้ำตาลหลังรับประทานอาหาร
  • ไฟบริคซ่าจากญี่ปุ่น : ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความอยากอาหาร
  • โปรตีนจากพืชจากอัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง อาหารเสริมโปรตีนคุณภาพสูง เสริมภูมิคุ้มกัน
  • สตีเวียไม่มีแคลอรี่โดยธรรมชาติ: ให้ความหวานโดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
  • วิตามินและแร่ธาตุนำเข้า: ช่วยเสริมสร้างสุขภาพสายตา หัวใจ ระบบย่อยอาหาร และภูมิคุ้มกัน
ประโยชน์ของ GLUSURE สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ประโยชน์ของ GLUSURE สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

Glusure เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงของโรคตา และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้น